วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทำกุศลอย่างไรจึงจะไม่อดอยาก

ทำกุศลอย่างไรจึงจะไม่อดอยาก
          ถามว่า  ทำกุศลอย่างไร จึงจะทำให้มีโภคทรัพย์ ไม่อดอยาก 

          ตอบ  ปัญหานี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่สุภมาณพ บุตรของโตเทยยพราหมณ์ในจูฬกัมมวิภังคสูตร ม.อุปริ. ว่า

          บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงก็ตาม เป็นชายก็ตาม เป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อาศัย เครื่องตามประทีปแก่สมณะพราหมณ์ เขาตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมคือการให้ข้าวน้ำเป็นต้นนั้น หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ มาเกิดเป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นผู้มีโภคะมาก นี้เป็นผลของทานคือการให้ข้าวให้น้ำเป็นต้นนั้น 

          สรุปได้จากพระพุทธดำรัสนี้ว่า ทานคือการให้ปันสิ่งของที่เป็นประโยชน์แก่ผู้รับ มีข้าวน้ำเป็นต้นนั่นเอง ทำให้เขาเป็นคนมีโภคะมากในชาติต่อไป ความจริงในชาตินี้ ถ้าเราเป็นผู้มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่มิตรสหาย หรือคนบ้านใกล้เรือนเคียง มีอะไรแบ่งปันให้กัน มิตรสหายหรือคนบ้านใกล้เรือนเคียงนั้น เขาก็แบ่งปันของของเขาให้แก่เราเหมือนกัน ทั้งๆ ที่เวลาให้เราก็ไม่เคยหวังผลตอบแทนเลย คือให้ด้วยน้ำใจ ให้ด้วยความนับถือ มิได้คิดที่จะได้สิ่งตอบแทน แต่เพราะความมีน้ำใจของเรา เราก็ได้รับความมีน้ำใจจากผู้อื่นเช่นกัน ทั้งนี้เพราะการให้เป็นการผูกไมตรีต่อกัน ทั้งผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของผู้รับเสมอ
          ในทางตรงข้าม ถ้าเรามีแต่ความตระหนี่ ให้อะไรใครก็ไม่ได้ เสียดายหวงแหนไปหมด ผลที่ได้รับก็คือความอดอยากยากจน ไม่มีใครต้องการคบหาสมาคมด้วย เราไม่เคยมีของไปให้ใครเลยแล้วจะมีใครเขาเอาของมาให้เราเล่า ในเมื่อเราไม่เคยผูกมิตรไมตรีกับใครเลย เพราะฉะนั้นผู้ที่ตระหนี่หวงแหน ตายไปแล้วจะมักเกิดเป็นเปรตได้รับความลำบาก อดอยาก หิวโหยอยู่เสมอ ต้องรอเวลาที่มีผู้ทำบุญอุทิศไปให้จากโลกมนุษย์นี้เท่านั้น จึงจะบรรเทาความหิวโหย ได้อิ่มหนำกันทีหนึ่ง เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ต้องการอดอยาก ก็ไม่ควรตระหนี่หวงแหน

          อีกประการหนึ่ง นอกจากทานจะให้ผลทำให้เป็นผู้มีโภคะมากแล้ว แม้ศีลคือการรักษาศีลก็สามารถให้โภคสมบัติเช่นเดียวกัน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ผู้มีศีลย่อมได้รับโภคทรัพย์ใหญ่ เพราะความไม่ประมาทเป็นเหตุ การรักษาศีลด้วยความสำรวมระวังไม่ล่วงละเมิด ชื่อว่ารักษาศีลด้วยความไม่ประมาท การรักษาศีลด้วยความไม่ประมาท นี่แหละเป็นเหตุให้ได้รับโภคทรัพย์ใหญ่ ทั้งนี้เพราะผู้มีศีลตายแล้วย่อมเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ก็สมบัติในสวรรค์นั้นเมื่อเทียบกับสมบัติในเมืองมนุษย์แล้ว ย่อมเทียบกันไม่ได้เลย 

          เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ผู้มีศีลย่อมได้รับโภคทรัพย์ใหญ่ ซึ่งหมายถึงสมบัติอันมโหฬารในสวรรค์นั่นเอง นั่นเป็นเรื่องของการได้รับผลในชาติหน้า ส่วนผลในชาตินี้ของผู้มีศีลในข้อนี้ก็มีอยู่ แต่ไม่อาจเทียบกับผลที่ได้รับในชาติหน้าได้เท่านั้นเอง
          ไม่ต้องดูอื่นไกล ลองสังเกตุดูพระภิกษุทั้งหลายที่ท่านมีลาภสักการะมาก แล้วจะเห็นว่า ท่านเป็นผู้มีศีลทั้งสิ้น ไม่มีใครที่ต้องการทำบุญกับพระทุศีล


          สรุปว่า ทั้งทานและศีลเป็นเหตุให้ร่ำรวยไม่อดอยาก


http://www.84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=14
________________________________________
ที่มา อ้างอิง และแนะนำ :-

          พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖

          มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

          จูฬกัมมวิภังคสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/book/v.php?B=14&A=7623&Z=7798


          พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒

          อานิสงส์แห่งศีลสมบัติของคนมีศีล ๕ ประการ
http://www.84000.org/tipitaka/read/?10/80



          หมวดหนังสือธรรมะ

          เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html


          เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ
http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แก้กรรมให้พ้นทุกข์

แก้กรรมให้พ้นทุกข์
          ว่าโดยหลักกรรมในพระพุทธศาสนาแล้ว แก้กรรมคงไม่มี ขึ้นชื่อว่ากรรมอันสำเร็จพร้อมด้วยเจตนาแล้วย่อมมีผลผลิตเป็นวิบาก เพราะมีเจตนาเป็นตัวทำให้เกิดการกระทำ เมื่อกระทำกรรมสำเร็จแล้ว ย่อมให้ผลตามชนิดของกรรมที่ได้ทำไว้ ถ้าทำดีเรียกว่า กุศลกรรมหรือบุญ ถ้าทำชั่วเรียกว่าอกุศลกรรมคือบาป ไม่มีใครหลีกเลี่ยงกรรมได้ แม้พระพุทธองค์ยังทรงต้องรับผลของกรรมที่ทรงทำไว้แล้วฉันใด แล้วเราท่านทั้งหลายเป็นใครจะหลีกเลี่ยงกรรมที่ตนทำไว้ได้เล่า แม้ในเวลาจวนจะปรินิพพานเต็มที ผลของกรรมที่ท่านทำไว้ยังทำให้พระองค์ต้องอดน้ำไม่ได้ฉันน้ำเลย ต้องได้รับทุกขเวทนา

            ถึงแม้ว่ากรรมที่ทำแล้วแก้ไขไม่ได้ก็ตาม ยังมีหลักการทำบุญหรือการทำกุศลบางอย่างที่พอที่จะช่วยได้ ที่มีมาในพระพุทธศาสนาคือ
       
          ๑.ทาน หรือการทำบุญด้วยวัตถุ สิ่งของ เป็นต้น จนถึงที่สุดคืออภัยทาน ขึ้นชื่อว่า "ทาน" โดยมากเป็นการสละวัตถุ สิ่งของ ให้แก่บุคคลที่ควร มีพระสงฆ์เป็นต้นเป็นที่สูงสุด การให้ทานที่ถึงพร้อมด้วยกาลสาม เป็นการทำบุญที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก คือในขณะก่อนให้เป็นผู้มีศรัทธาเชื่อในกรรมและผลของกรรมจึงให้ทาน ในเมื่อขณะที่กำลังทำมีความเคารพในการให้ทาน และเมื่อทำทานเสร็จแล้ว มีใจอิ่มเอิบในบุญที่ได้ทำแล้ว คิดถึงเมื่อไรก็มีใจปีติปราโมทย์ ทานที่ถึงพร้อมด้วยกาลสามนี้จัดเป็นทานที่สำเร็จผลดีที่สุด ให้ผลมาก และปราณีตมาก เป็นกุศลชั้นดี ให้ผลมากและเร็ว
(ทานหรือบุญที่มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ มีศีล มีสมาธิเป็นบาทพื้นฐานถือว่ามีกำลังแรง ให้ผลเร็ว) 
             "เจตนาในกุศลที่เป็นไปเพื่อออกจากการเวียนว่ายตายเกิดเป็นกุศลที่สูงที่สุด"
             การให้ทานเป็นการสละความยึดมั่น ถือมั่นในทรัพย์ เป็นการอนุเคราะห์โลก เป็นเสบียงให้เกิดโภคสมบัติ ในกามสุคติภูมิมีมนุษย์และเทวดาเป็นต้นตลอดการเดินทางในวัฏฏะสงสาร ผู้มีทานกุศลน้อยย่อมเดือดร้อนเพราะทรัพย์ ขาดแคลน ขัดสน อดยาก ผู้ทำทานกุศลไว้มาก ย่อมบริบูรณ์ สมบูรณ์ด้วยทรัพย์อันเป็นเครื่องปลื้มใจ

            ๒.การรักษาศีล เป็นกุศลที่มีความปราณีตขึ้นมาอีกระดับ การตั้งใจงดเว้นจากบาปกรรมทั้งปวง มีการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์เป็นต้น การสมาทานศีล ๕ ศีล ๘ ในคฤหัสเพศฆราวาส เป็นอัธยาศัยแห่งการพ้นทุกข์ไปอีกขั้นหนึ่ง ผลของการรักษาศีลทำให้ไม่ต้องทุกข์ใจ ทุกข์กาย ไม่มีตำหนิมลทินในใจเพราะไม่มีบาปติดค้างใจ ผลของการเป็นผู้มีศีล ทำให้เป็นที่รักของคนที่อยู่ใกล้ชิด เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย กลิ่นของศีลยังหอมทวนลมได้ เทวดาเป็นผู้ที่มีหิริ โอตัปปะ บุคคลที่รักษาศีลได้ดี ย่อมเป็นที่รักของเทวดาและอมนุษย์ด้วย ดังนั้นศีลเหมือนกับเสื้อเกราะที่จะคุ้มครองให้เราไม่เสียหายเพราะเจ็บป่วย ไม่ถูกทำลายทรัพย์ มีความเป็นผู้งดงาม ไม่ตกไปสู่โลกที่ชั่ว
         การรักษาศีลเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นกุศลที่จะเข้ามาช่วยเหลือให้เราพ้นจากความทุกข์ได้

            ๓.การปฏิบัติธรรม เจริญกรรมฐาน สวดมนต์ภาวนา ก็เป็นกุศลที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะการภาวนาเป็นเครื่องระงับซึ่งอกุศลธรรมบางอย่างไว้ได้ จนถึงขั้นเกิดปัญญาเห็นแจ้งในสภาวะธรรมประหาณกิเลสได้ตามกำลังของแต่ละท่าน แต่ถึงแม้ว่าจะทำอะไรกิเลสไม่ได้ก็ตาม ภาวนาก็มีผลช่วยระงับทุกข์ที่เกิดในใจได้ขณะหนึ่ง เพราะมีอารมณ์อยู่ในกรรมฐาน เมื่อมีอารมณ์อยู่ในกรรมฐานจิตก็ไม่ไปจดจ่ออยู่กับทุกข์ ดังนั้นการเจริญกรรมฐานจึงช่วยลดทุกข์หรือดับทุกข์ใจได้ การสวดมนต์สาธยายในพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ ก็มีอานิสงส์ทำให้ทุกข์ที่เบาๆ บางอย่างหมดไปได้ การสวดมนต์สาธยายในพระปริตรหลายๆบทก็ช่วยกำจัดภัย อันตรายได้
         เมื่อจิตมีสมาธิหรือมีความสงบขึ้น ย่อมเห็นหนทางในการแก้ปัญหาชีวิต เพราะความฟุ้งซ่านทำให้มืดมล ภาวนากุศลนี้จึงเป็นส่วนที่สำคัญในการแก้ทุกข์ได้ ทำให้เกิดแสงสว่างทางปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม

        วิธีแก้ทุกข์ หรือแก้ดวง-แก้กรรมอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยกุศลกรรมใหม่เท่านั้นที่จะเข้ามาเบียดเบียนหรือตัดรอนอกุศลวิบาก(ทุกข์)ที่กำลังให้ผลอยู่ การอ้อนวอนกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย ถ้าตนเองไม่มีกุศลที่มีกำลังมากและให้ผลเพียงพอ ความทุกข์ก็ไม่อาจจะหมดไปได้โดยเร็ว ดังนั้นต้องตั้งใจทำความดีทุกประการ ต้องตั้งใจเปลี่ยนพฤติกรรม หันหน้ามาให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์เจริญภาวนา ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลไปกับกองทุกข์ เมื่อมีความเพียรในการทำความดีแล้ว ย่อมได้รับความสุขในไม่ช้า บุคคลผู้มีศีลมีธรรมในยามที่ประสพทุกข์แม้ที่นั่งแห่งท้าวอัมรินทราทิราชยังร้อนได้ ถ้าเราทำดีถึงที่สุดแล้วก็จะพ้นทุกข์ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปจมอยู่กับทุกข์ ตั้งใจปฏิบัติตน ทำความดีให้ถึงที่สุด เปลี่ยนพฤติกรรมร้าย ดำรงตนอยู่ในศีล สวดมนต์เจริญภาวนาให้ใจสงบ ปัญญาหรือแสงสว่างก็จะเกิดแก่ตนเอง

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วิธีแก้ดวงเรื่องการเงินขัดสน

วิธีแก้ดวงเรื่องเงิน  
            หลายๆท่านที่มีปัญหาด้านการเงิน ขัดข้อง ขัดสน เสียหายเพราะเงิน เป็นเพราะอดีตที่เคยทำบุญให้ทานมาน้อย เพราะทานบารมีน้อย จึงทำให้เกิดความยากจน ขัดสนทรัพย์ วิธีที่จะให้การเงินเกิดความคล่องตัวหรือหมดปัญหาด้านเงินโดยเร็ว   ลองทำบุญแบบนี้ดูนะครับ
       ให้ทำบุญใส่บาตรหรือถวายปัจจัย ๔ (อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยา ที่อยู่อาศัย) อย่างใดอย่างหนึ่งแก่พระสงฆ์ มากน้อยตามกำลัง ให้ตั้งเจตนาให้แรงกล้า ว่าจะทำบุญให้ทาน เพื่อให้พระท่านได้ใช้สอยสิ่งของของเรา อย่าทำบุญเพราะมุ่งหวังลาภผลที่จะเกิด แต่ให้ทำความเข้าใจว่า บุญที่จะทำนี้จะส่งผลให้เรา ชื่อในกรรม และผลของกรรม มีใจเคารพเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
      เมื่อเตรียมของที่จะไปถวายพระแล้ว ถ้าไปวัด ให้ไปที่หน้าพระพุทธรูปแล้ว สมาทานศีลต่อหน้าพระก่อน เมื่อสมาทานศีลแล้ว ก็ให้นั่งสมาธิสักครู่หนึ่ง เพื่อให้ใจสงบเป็นสมาธิ ถ้าไม่ได้ไปวัด ให้ตั้งใจนึกถึงภาพพระ แล้วตั้งในใจเองว่าจะรักษาศีล ๕ เมื่อตั้งใจรักษาศีลแล้ว ในขณะก่อนจะใส่บาตรหรือทำบุญ ให้พยายามทำจิตให้สงบสักพักนึง 
        เมื่อออกจากสมาธิแล้วก็ค่อยไปถวายของที่เตรียมไว้กับพระ โดยเราไม่เจาะจงพระ ถือว่าเป็นสังฆทาน ไม่เจาะจงผู้รับ เมื่อในขณะที่กำลังให้ พยายามให้กุศลจิตเกิดขึ้นอย่างมากที่สุด ให้เป็นสมาธิในขณะที่ทำบุญนั้น มีความเคารพนอบน้อมในบุคคลผู้ที่มารับสิ่งของนั้นๆ และเมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ไปกรวดน้ำ ในขณะที่กรวดน้ำก็ให้น้อมจิตไปว่าวันนี้เราได้กระทำบุญอย่างนั้นๆ ให้มโนภาพที่เราได้ทำบุญเมื่อสักครู่เกิดขึ้น เราจะได้มีความปีติ ปราโมทย์ ในบุญที่เราทำ

      เมื่อเรามีกุศลจิตที่เข้มแข็งดีพร้อมแล้ว ทั้งก่อนที่เราจะได้ทำบุญ และในขณะที่เรากำลังทำบุญอยู่นั้น กุศลจิตคือความตั้งใจ ความนอบน้อมในวัตถุสิ่งของและบุคคลผู้มารับวัตถุทานนั้น และเมื่อได้ทำแล้ว คิดถึงบุญนั้นแล้วก็เกิดความปลื้ม ปีติ ในบุญที่ได้ทำไป ผลที่เกิดขึ้นทั้งสามกาล คือก่อนทำ ขณะที่ทำ และหลังจากที่ทำแล้ว จิตเราตั้งอยู่ในกุศลแบบนี้ ทานที่ทำย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก และอาจจะให้ผลเร็วกว่าทานที่ทำแบบไม่ได้ตั้งเจตนาไว้แบบนี้

         บุญที่เกิดขึ้น จากการให้ การสละทรัพย์ สิ่งของนี้ มีศีลเป็นเครื่องรองรับ มีสมาธิเป็นกำลัง คนที่ทำบุญโดยเพิ่งออกจากสมาธิ ถือว่าได้บุญมาก (ถ้าไม่สามารถนั่งสมาธิได้ ก็ให้ทำจิตให้นิ่ง พยายามกำหนดลมหายใจสักนาทีสองนาทีแล้วจึงไปใส่บาตรหรือทำบุญ)

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559

จงทำบุญในขณะที่ชีวิตมีความสุข


จงทำบุญในขณะที่ชีวิตมีความสุข
    จงทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เสียตั้งแต่ดวงยังไม่ตกหรือยังไม่มีความทุกข์ เพราะบุญ เมื่อทำในขณะที่จิตใจผ่องใสย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ดังนั้นในขณะที่เราท่านทั้งหลายมีชีวิตที่ปกติสุข จงอย่าประมาท ควรให้ทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนาเสียให้มั่นเหมาะ เพราะในยามที่ดวงตกหรือกำลังมีความทุกข์ ทำบุญไม่ได้อานิสงส์เร็วหรือไว หรือแทบไม่เห็นผลเลย เพราะอะไร ? เพราะในขณะนั้นจิตใจเศร้าหมอง หดหู่ ไม่มีกำลังที่จะทำให้ปีติ ปราโมทย์ในบุญที่ทำเกิดขึ้นมีกำลังมากพอ ดังนั้นทานก็ดี ที่ทำแล้ว ย่อมได้ผลน้อย มีอานิสงส์น้อย เพราะใจมัวไปผูกพันกับเรื่องที่เศร้า เสียใจ ในขณะนั้น ดังนั้นชีวิตควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะช่วงชีวิตคนบางคนก็เกิดจุดหักเหของชีวิตอย่างรวดเร็ว พลิกผัน เหมือนตกจากยอดเขาลงสู่เหวลึก  เพราะอกุศลวิบากบางอย่างที่ทำไว้ในอดีตตามมาให้ผล หากไม่มีเสบียงคือบุญกุศลที่ทำไว้แล้วเข้าอุดหนุน ผู้นั้นย่อมประสบทุกข์นาน หรืออาจจะไม่สามารถทรงชีวิต ลมหายใจอยู่ได้ 

         ดังนั้นจงหมั่นทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์หรือสิ่งของ อาหาร แก่คนยากจน คนที่ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ประสบภัย หรือสัตว์ต่างๆ เป็นทานกุศล เป็นทานบารมี ทานเป็นเหตุที่ทำให้เกิดโภคสมบัติ เหมือนเสบียงในการเดินทางอยู่ในวัฏฏะสงสาร ทำให้บริบูรณ์ด้วยอาหาร และทรัพย์เครื่องปลื้มใจ
         ศีลเป็นดั่งเสื้อเกราะ ที่คุ้มครองตนไม่ให้ตกไปสู่โลกที่ชั่ว มีอบายภูมิทั้ง ๔ 
         ส่วนภาวนา จะเป็นสมถะหรือวิปัสสนาก็ดี เหมือนอาวุธ ที่คอยข่มหรือประหาณกิเลส 
         ทั้งสามนี้ควรทำให้มาก เจริญให้มากตั้งแต่ในสมัยที่เรายังไม่มีทุกข์ ไม่มีภัยเบียดเบียน อย่าทำบุญเอาเมื่อยามร้าย หรือในขณะที่จิตใจเศ้ราหมอง ท้อแท้เลยนะครับ

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

อุทิศบุญให้เทวดา

ปัตติทานะคาถา
........            ยา เทวะตา สันติ วิหาระวาสินี
.......... .........ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง ตะหิง
.......... .........ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวันตุ ปูชิตา
.......... .........โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล
.......... .........เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว
.......... .........สารามิกา ทานะปะตี อุปาสะกา
.......... .........คามา จะ เทสา นิตะมา จะ อิสสะรา
.......... .........สัปปาณะภูตา สุขิตา ภะวันตุ เต
.......... .........ชะลาพุชา เยปิ จะ อัณฑะสัมภะวา
.......... .........สังเสทะชาตา อะถะโวปะปาติกา
.......... .........นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฏิจจะ เต
.......... .........สัพเพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยัง ฯ
ฐาตุ จิรัง สะตัง ธัมโม
สังโฆ โหตุ สะมัคโค วะ
อัมเห รักขะตุ สัทธัมโม
วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ
..........ปะสันนา โหนตุ สัพเพปิ
สัมมา ธารัง ปะเวจฉันโต
วุฑฒิภาวายะ สัตตานัง
มาตา ปิตา จะ อัต์ระชัง
เอวัง ธัมเมนะ ราชาโน
ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา
อัตถายะ จะ หิตายะ จะ
สัพเพปิ ธัมมะจาริโน
ธัมเม อะริยัปปะเวทิเต ฯ
ปาณิโน พุทธะสาสะเน
กาเล เทโว ปะวัสสะตุ
สะมิทธัง เนตุ เมทะนิง
นิจจัง รักขันติ ปุตตะกัง
ปะชัง รักขันตุ สัพพะทา ฯ

https://www.youtube.com/watch?v=5rno_pN2dms
https://www.youtube.com/watch?v=5rno_pN2dms


      บุคคลเมื่อกระทำบุญแล้ว ควรอุทิศนั้นให้เทวดาด้วย เมื่อเทวดาได้รับการอนุโมทนาบุญแล้ว ย่อมตามรักษาผู้นั้น บุคคลผู้ที่เป็นที่รักของเทวดา ย่อมได้รับความสุข และมีความสวัสดิีมงคล 
     ดังนั้น คนที่ดวงไม่ดี หรือดวงตก มีชีวิตที่ไม่ราบรื่น ประสบปัญหาหรือมีเคราะห์กรรม ต้องตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ถือศีล เจริญสมาธิปฏิบัติธรรม กุศลในการถือศีลและเจริญพระกรรมฐาน การสวดมนต์มีพระพุทธคุณเป็นต้น ย่อมเปลี่ยนสิ่งที่ร้ายให้กลายเป็นดีได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอำนาจแห่งพุทธานุภาพนั้น ด้วยอำนาจของศีล ด้วยอำนาจของเทวตานุภาพ ย่อมทำให้บุคคลที่กำลังต้องทุกข์ ลำบาก สามารถพ้นจากทุกข์นั้นๆได้


วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

ดวงตก อะไรๆก็แย่


ในยามที่ดวงตก
     ในเวลาที่ดวงตก อะไรๆมันก็พาลเสียหายไปหมด ชะตาดวงตัวอย่างนี้เมื่ออายุ 15 ปี ตระกูลของเจ้าชะตาเกิดภาวะปัญหาหนี้สิน ถึงขั้นต้องล้มเลิกกิจการ ในตอนนั้นเจ้าชะตาอายุย่าง 15 ปี มีปัญหาชีวิตอะไรหลายๆอย่างที่เข้ามากระทบตัวเจ้าชะตา ทำให้เจ้าชะตาเกิดความเสียหาย อีกทั้งสิ่งที่เลวร้ายคือต้องถูกกดขี่ทางเพศอีกด้วยซ้ำ

    จากดวงกำเนิด ปี 2551 เป็นปีชวด ในดวงตก กาลกิณี  อริ เพชฌฆาต จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้เจ้าชะตาเกิดปัญหาชีวิตมากมาย เป็นจุดของความพลิกผันอย่างหนึ่ง สิ่งที่ร้ายๆ ปัญหา อุปสรรค มลทิน หนี้สินต่างๆ ในขณะนั้นอายุจรย่าง 15 ไปตกที่ภูมิจันทร์ ซึ่งเป็นเรือนที่ดี มีพระคาถาคำว่าปัตนิ แต่ผลที่ปรากฎคือ เธอถูกล่วงละเมิด ต้องตกใจเสียใจ แต่ดาวดีมีอยู่ ทั้งยุคใหญ่ก็อยู่ในตำแหน่งที่ดี ทำให้มีเรื่องของเงินเข้ามาชดเชย ทำให้หลังจากนั้นมีเงินเข้ามามาก สามารถเปลี่ยนวิถีหนี้ให้หมดไปได้ แต่สิ่งที่ได้รับมาคือตราบาป มนทิล

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

หมอดูไม้วิเศษ



หมอดูไม้วิเศษ
        วิชาหมอดูไม้วิเศษ เป็นหนึ่งในวิชาของวิชาทักษามหายุคศาสตร์ ซึ่งเป็นความเมตตาของท่านอาจารย์ส.สัจจญาณ ที่พยายามถ่ายทอดวิชาทักษามหายุค โดยผ่านไม้แท่งเล็กๆที่จัดวางในช่องถาดไม้สี่เหลี่ยม ที่มีช่องอยู่หลายๆช่อง อันเป็นตัวแทนของภพภูมิในพระคาถาต่างๆ เพื่อให้ง่ายแก่การเรียนรู้ของนักเรียนที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา อาจารย์ส.สัจจญาณ เป็นผู้ที่มีความเมตตาเป็นอย่างสูง ได้ถ่ายทอดเทคนิคการพยากรณ์ดวงชะตาให้แก่นักศึกษา เพื่อจะได้นำไปใช้เป็นอาชีพอย่างชาญฉลาด และสามารถพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ อันเกิดจากนิมิตกรรมในขณะปัจจุบัน ผสมผสานกับดวงกำเนิดและดวงวัน วิชานี้เป็นวิชาที่ได้ถ่ายทอดอยู่ในกลุ่มเล็กๆที่สมาคมคนตาบอดบ้าง และคนที่มีความรักและเคารพในอาจารย์บ้าง ซึ่งเป็นวิชาที่เรียนรู้ได้ไม่ยากนัก หากมีความใส่ใจและตั้งใจจริง
      
อาจารย์จารุพันธ์ สุวัตถิกุล ได้เมตตาสอนวิชาไม้วิเศษที่ได้รับมาจากอาจารย์ ส.สัจจะญาณ เมื่อ ๓๐ ปีกว่าที่แล้วให้แก่ข้าพเจ้าและคณะศิษย์รุ่นต่อๆมา

       ขอกราบบูชาคุณอาจาริยะไว้ณ.โอกาสนี้ ด้วยความเคารพยิ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ดวงหญิงใจเด็ด (ต้องอยู่เรือนจำ)


ดวงหญิงที่ต้องโทษ
       ดวงนี้เป็นหญิง เกิดปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ปลายปี เดือน ธันวาคม เจ้าชะตาดูภายนอกเป็นคนที่เรียบร้อย ดูเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจา เป็นคนเฉยๆ ดาวจันทร์ ๒  (บ่งบอกว่า กริยาเรียบร้อย ดูมีเป็นหญิงๆ) แต่ซ่อนเพชฌฆาตเอาไว้ บทที่เธอจะเดือดพุ่งขึ้นมาก็น่ากลัว เมื่อหลายปีก่อน เธอเกิดขัดใจกับเพื่อน จึงใช้มีดจิ้มท้องเพื่อนเล่น ผลก็เลยต้องย้ายถิ่นฐาน ไปอยู่ที่ที่มีคนดูแลเลี้ยงดูอย่างดี ด้วยอำนาจพระคาถาในดวง "กาลกิณี ตนุ เพชฌฆาต" ดังกล่าวมานี้ ทำให้พี่คนนี้ต้องเกิดความร้อน  วาสนาก็เป็นโจโร ดาวใจร้อนได้แก่ ดาวอาทิตย์ ดาวอังคาร และอิทธิพลแห่งเพชฌฆาตฤกษ์ จึงทำให้วิถีชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนผลันไป ดังนั้น ถ้าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาใดๆ ย่อมทำให้ชีวิตตนเองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ร้าย คนที่ดาวตัวเองชนเสีย มักทำตนเองให้เสียหาย ทำอะไรตามใจตนเองเป็นสำคัญ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การอธิษฐานที่ให้ได้ผลไว



การอธิษฐานที่ให้ได้ผลไว

การอธิษฐานจิตเพื่อที่จะให้ได้ผลอย่างรวดเร็ว ผู้นั้นต้องอธิษฐานจิตในสมาธิ กล่าวคือในขณะที่จิตของเรานิ่ง รวมกันเป็นหนึ่ง สิ่งที่เราตั้งใจไว้หากถึงพร้อมด้วยองค์สามคือ กาย วาจา ใจ เป็นหนึ่ง สิ่งที่หวังไว้หากไม่เกินวิสัยของกรรม ย่อมเห็นผลได้ในไม่ช้า ที่เป็นเช่นนั้นก็เปรียบเหมือนแสงอาทิตย์ในท้องฟ้า ความร้อนของแสงอาทิตย์หรือความสว่างของแสงอาทิตย์นั้นร้อนแรงมากอยู่แล้ว หากคุณเอาเลนส์ไปทำให้เกิดการรวมแสง ความร้อนและแสงสว่างจะเกิดกำลังทวีคูณขึ้นอย่างมหาศาล จนสามารถเผาผลาญหรือเกิดเป็นเปลวเพลิงลุกไหม้ได้ ฉันใด จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมเกิดพลังงานได้เช่นกัน(พลังจิต) คนที่ฝึกจิตจนเข้มเเข็ง สามารถสะกดจิตคนอื่นได้ ทำของที่เเข็งให้อ่อนได้ ฯลฯ หากคุณสามารถโฟกัสความคิด หรือทำสมาธิจิตจนนิ่งมีอารมณ์เป็นหนึ่งได้ สิ่งที่อธิษฐานนั้นไม่ควรมากมายหลายอย่าง ให้เลือกเอาสิ่งที่คิดว่าเป็นไปได้ และจำเป็นที่สุดในขณะนี้ของคุณ เพียงอย่างเดียว กำหนดจิตอธิษฐานลงไปให้แน่วแน่มั่นคง ในขณะที่จิตคุณเป็นสมาธิ หรือในขณะที่เกิดปีติ มีอาการเอิบอิ่มใจ ขนลุก ขนพอง เป็นต้น สิ่งที่ต้องการบรรลุผลจะบรรลุผลโดยเร็ววัน
ตัวอย่างที่เคยเล่าไว้ ในขวดน้ำใบหนึ่ง มีน้ำสะอาดที่ปนกับน้ำมัน น้ำสะอาดเปรียบกับความชุ่มชื่นใจ ความเอิบอิ่มใจ เป็นบุญ เป็นความสุข มีน้ำมันใส่ไว้ครึ่งขวด น้ำมันเปรียบเสมือนบาปก็ดี ความลำบากคับแค้นต่าง สิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจก็ดี สรุปง่ายๆก็คือเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ หากคุณอยากจะดื่มน้ำที่มีผลชุ่มเย็น คุณยกขวดขึ้นเท สิ่งที่ได้กลับเป็นน้ำมันมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ แทนที่จะได้น้ำดื่มกับได้เป็นน้ำมัน เวลาเอาน้ำสะอาดกรอกลงไปๆ น้ำมันมันกับไหลออกมาก่อน เปรียบคนที่ทำบุญทำกุศลอยู่เรื่อยๆทำไมมันมีแต่ทุกข์ มีแต่ลำบาก ยิ่งทำบุญยิ่งทุข์หนัก ไม่เห็นว่าบุญที่ตนทำไปแล้วจะได้ผลอะไร ทำดีไม่ได้ดี ทำขั่วได้ดีมีถมไป จนทำให้คนท้อแท้และเกิดความเบื่อหน่ายที่จะทำดี ดังนั้นหากเรารู้จักฝึกจิตให้ดีแล้ว สมาธิเปรียบเสมือนหลอดที่จิ้มลงไปในขวดน้ำ ตุณสามารถดื่มน้ำที่ชื่นใจได้ ทั้งๆที่น้ำมันมันยังลอยอยู่บนผิวน้ำได้ฉันใด การทำสมาธิจนจิตรวมกันเป็นหนึ่ง มีจิตนิ่งไม่หวั่นไหว สิ่งที่คุณอธิษฐานย่อมสำเร็จได้โดยเร็วไว
ตามจริงแล้วหลักการทำสมาธิคือเพื่อให้เกิดปัญญา เพื่อให้เกิดความหลุดพ้น เพื่อให้จิตได้ผ่อนคลายจากสิ่งที่เป็นเครื่องข้องมีกิเลสต่างๆเป็นต้น ให้จิตมีที่ยึดเหนี่ยว อาหารของใจคือความปีติ ปราโมทย์ อิ่มเอิบใจ ชื่นใจ อารมณ์แห่งสมาธิชั้นสูงขึ้นๆ จะเกิด ปีติ สุข จนเป็นเอกคตารมณ์ สิ่งเหล่านี้เป็นอาหารของใจ ดังนั้นคนถึงแม้เหนื่อยกายสักเท่าใดก็ตามแต่ได้อาหารใจเข้าไป ทำให้คนๆนั้นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แสดงให้เห็นว่าใจมีผลมาก ดังนั้นคนที่ทำสมาธิจนจิตเกิดฌาณก็ดี สมาบัติก็ดี ถึงแม้ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็เหมือนได้นอนมาเต็มอิ่ม
สมาธิมีผลมาก คนที่ทำบุญให้ทาน รักษาศีล มีอานิสงส์ทำให้บุญนำไปเกิดเป็นเทวดา บุญกิริยวัตถุ ๙ ประการทำให้เกิดเป็นเทวดา มีแต่ภาวนามัยประการเดียวเท่านั้นที่ทำให้ไปเกิดเป็นพรหม อานิสงส์การทำสมาธิมีมากมาย อย่างน้อยก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ คนที่ทำสมาธิได้ จิตจะเกิดพลังงาน จิตที่ละเอียดจะสัมผัสกับสิ่งที่ละเอียดด้วยกันได้ หากท่านใดลองปฏิบัติสมาธิจนเกิดความสงบ เกิดปีติ เกิดความสุขเอิบอิ่มใจ แล้วอธิษฐานในสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ เอาสิ่งที่สำคัญๆที่สุดก่อน หากเป็นผลอย่างไรมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ

คาถาเงินล้าน

การที่บุคคลใดที่มีปัญหาทางด้านการเงินจึงอยากรู้วิธีแก้ปัญหาหรือทำให้ทุเลาเบาบางลงก็พอมีวิธีอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อยละครับ อย่างน้อยก็เป็นอุปนิสัยในการทำกุศลแก่ตนเองต่อไป
หากเป็นผลที่เกิดจากอกุศลวิบากที่ตัวเองได้ทำไว้ในอดีต
แก้ด้วย การสร้างบุญใหม่หรือทำบุญกุศลในปัจจุบันให้มีกำลังหรือเป็นอาจิณณกรรม(กุศลที่ทำไว้บ่อยๆ) เช่นการให้ทาน รักษาศีล ๕ ศีล ๘ การสวดมนต์ นั่งสมาธิ
หากมีเงินไม่มาก ก็ให้หาบาตรพลาสติกหรือกระปุกเก็บเงินมาใส่ทุกๆวัน วันละบาทสองบาทก็ได้ ให้กุศลกรรมเกิดทุกวัน เวลาใส่เงินลงไปในที่เก็บเงินก็ท่องคาถาเงินล้านสักหน่อย ๓ ๕ ๗ ๙ ยิ่งท่องได้มากๆยิ่งดี เวลาที่สวดๆให้เป็นสมาธิไม่ต้องหวังผลอะไรทั้งนั้น ให้เชื่อในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีหลวงปู่หลวงพ่อที่ตนนับถือ (อย่าลืมหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤๅษีท่านด้วยนะครับ) หากท่องได้จนขึ้นใจ สวดไว้เสมอๆยิ่งดีครับ อย่างน้อยกันไม่ให้อกุศลที่จิตจะคิด จะทำ ได้ครับ คือเมื่อสวดมนต์อยู่ จิตมันก็ไม่ไปคิดชั่ว ทำชั่วละครับ

เมื่อได้เงินเต็มแล้วก็เอาเงินไปซื้อของถวายพระ จะเป็นสังฆทาน พระไตรจีวรหรืออาหารถวายพระก็ตามแต่สะดวกละครับ

เมื่อทำบุญแล้ว ให้อธิษฐาน ขอให้บุญที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้วนี้ จงเปลี่ยนสิ่งที่ร้ายให้กลายเป็นดี ..............ขึ้นชื่อว่าความทุกข์ ความเศร้าโศก ความเดือดร้อน ความเศร้าหมอง คำว่าไม่รู้ คำว่าไม่มี ความขัดข้องใดๆ ความขัดเคืองใดๆ จงอย่าได้ปรากฎมีแก่ข้าพเจ้านับแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ

ถ้าไม่เกินวิสัยของกรรมก็หวังว่าคงมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้นไม่มากก็น้อยละครับ

นี่เป็นการแก้ทุกข์ขั้นหยาบๆแบบโลกๆนะครับ ทำไปเถอะครับ อย่าลืมสมาทานศีลด้วยละครับ จะยิ่งเห็นผลไว
หากใช้ภาวนาเวลานั่งสมาธิยิ่งดี อานุภาพของมนต์คาถาจะมีผลมากก็ตรงที่จิตเป็นสมาธิ มีจิตจดจ่อนี่ละครับ

กุศลใดๆที่ตนมีโอกาสหรือสามารถทำได้ตามกำลังก็ควรทำไปด้วยนะครับ ทาน ศีล ภาวนา
คาถาเงินล้าน 
ตั้งนะโม 3 จบ
สัมปะติจฉามิ
นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ ( คาถาปัดอุปสรรค )
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม ( คาถาเงินแสน )
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม ( คาถาลาภไม่ขาดสาย )
มิเตพาหุหะติ ( คาถาเงินล้าน )
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม ( คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า )
สัมปะติจฉามิ ( คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น )
เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤๅ ฤๅ
( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด )
พระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ) หลวงพ่อได้คาถาเหล่านี้โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ ตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ เป็นเวลา ๔ ปีจึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่าคาถาที่ได้จากกรรมฐานเขาจะไม่บอกใคร เมื่อวันที่ ๓๑ ธ.ค.๒๗ เวลา๒๓.๕๙ น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลานและพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุงจะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี ๒๕๓๒ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัทและลูกหลานของหลวงพ่อได้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น คาถา “ เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤๅ ฤๅ ” เป็นคาถามหาลาภมีผลยิ่งใหญ่

คาถาพญายมราช (สำหรับคนดวงตก)

คาถาพญายมราช

นะโม๓จบ

ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ
จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ



เป็นคาถาที่ผมใช้ภาวนาอยู่เสมอๆ หากท่านใดจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ดี ป้องกันเหตุเภทภัยก็ดี ผีอำ มีเรื่องขัดข้องต่างๆก็ดี รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆมันตามตัวก็ดี ฝันร้าย ......(ทุกเรื่อง.....ก็แล้วกันครับ) นึกถึงท่านพญายมท่านขอบารมีท่านคุ้มครอง หากไปพบว่าวิญญาณภูตผีปีสาจที่เป็นวิญญาณร้ายให้บอกท่านได้ (หลวงพ่อพระราชพรหมญาณเคยสอนไว้)
เวลาไปทำบุญแล้วก็อย่าลืมท่านนะ อุทิศบุญให้ท่านด้วย ผมใช้มาเสมอเห็นเป็นสัมฤทธิ์ผลครับ

ยามที่ดวงตกหรือดวงไม่ดี



ภพเสีย หรือ จรตกภพเสีย (ทุสถานภพ)
จะเกิดความไม่สงบ วุ่นวาย สับสน มีหลายเรื่องหลายอย่างให้ปวดหัว โกลาหลร้อนใจ เกิดความไม่แน่นอน ไม่กล้าตัดสินใจ ลังเลสงสัย ชีวิตเหมือนไม่มีจุดยืน มีปัญหาในครอบครัว ความรัก การเงิน การค้า การงานไม่เป็นผล มักผิดหวัง ระวังมีปากเสียง คดีความ ขึ้นโรงขึ้นศาล หนี้สิน เกิดเรื่องชู้สาว ชีวิตเหมือนเกิดมุมหักมีแต่เรื่องขัดข้อง อุปสรรคมากมายต่างๆนาๆ ทุกข์กายทุกข์ใจ ร้อนอกร้อนใจ ขุ่นข้องหมองใจ อึดอัด คิดนอกลู่นอกทาง มีเรื่องทำให้เสียอารมณ์หรือมีเรื่องทำให้ต้องสะเทือนใจจนทำให้อยากจะร้องไห้ ระวังจะถูกทรยศหักหลัง เกิดศัตรู ถูกใส่ร้ายใส่ความ ถูกรอบทำร้าย ซุบซิบนินทา ถูกคนดูถูกดูหมิ่น ระวังจะเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดอุบัติเหตุ เลือดตกยางออก เกิดความผิดพลาดเสียหาย สิ่งที่หวังที่รอคอยจะผิดหวัง ต้องล้มเหลว พลิกล๊อคไม่เป็นไปตามความคาดหมาย เนิ่นช้ายาวนานหรือสูญเปล่าได้ ระวังความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน จะเกิดเรื่องร้อนใจเหมือนไฟเผา ตกอยู่ในสภาวะกดดัน จะมีเหตุไม่ดีเกิดขึ้น เสียของรัก ข้าวของหาย คนที่รักอาจพรัดพรากจากจรกันไป การย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัย เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบสับสน ระวังจะถูกหลอกและเสียหายชื่อเสียง เกิดความลุ่มหลงมัวเมาได้ง่าย
บุคคลมีพื้นดวงตกทุสถานภพ (พวกมีเวรมีกรรมมาแต่ชาติปางก่อน) ต้องตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทตลอดชีวิต หมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา อยู่ในขอบเขตไม่ไปเที่ยวเตร่ ปล่อยชีวิตสัตว์ ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ต้องบำเพ็ญบุญกุศลให้มากๆ หรือ บ่อยๆ เพราะผลร้ายที่จะเกิดกับชีวิตของเจ้าชะตา ซึ่งทำให้เกิดโทษทุกข์ อกุศลวิบากกรรมจะได้ลดหย่อนทุเลาเบาบางลงได้บ้าง
** ตกมรณะ ไปบวชพระ บวชเณร แก้เคล็ดได้ หรือเป็นเจ้าภาพบวชพระบวชเณร ไปจำศีลปฏิบัติธรรมที่วัดบ่อยๆ ทำบุญโรงศพ ไปโรงพยาบาลบริจาคเงินหรือสิ่งของให้ผู้ป่วยอนาถา

ดวงความรักเสีย



คนที่มีดวงเนื้อคู่เสียมักเกิดผลดังนี้นะครับ 
ผู้นั้นมักอาภัพเรื่องคู่ครอง ได้คู่จุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น หึงหวง มีปัญหาปากเสียง ทะเลาะเบาะแว้ง ท้าตีท้าต่อย คู่กัด บางคนถูกทารุณกรรม ถูกทำร้ายถูกกดขี่ ชีวิตสมรสไม่มีความสุข ความรักมีอุปสรรคขัดขวาง ไม่ราบรื่น ญาติผู้ใหญ่ พี่น้องกีดกันหรือมีปัญหาไม่เห็นด้วย ได้คู่ไม่สมใจ รักไม่ได้ได้ไม่รัก อกหักและผิดหวังเป็นประจำ มีแต่เรื่องไม่สงบ เกิดความโกลาหลร้อนใจ เลิกราหย่าร้าง เกิดความวุ่นวาย มีปัญหาเพราะอารมณ์ร้อน แอบรักแอบชอบ อยู่ตามลำพังอาจถูกรวบรัดได้ ระวังต้องเป็นสองรองเขา หวังอะไรจากคู่ไม่ได้
อย่างอ่อน คือแต่งงานช้า เป็นโสด ได้กันก่อนแต่งหรืออยู่กันแบบแอบๆซ่อนๆ ไม่มีพิธีกรรม ไม่เปิดเผย อยู่แบบไปๆมาๆ ได้คนอายุมาก มีตำหนิผ่านการมีคู่มาแล้ว เป็นหม้าย ได้คู่มือสองได้คู่ที่ผ่านการครองเรือนมาแล้ว

 ตกมรณะ คู่ครองเป็นคนต่างถิ่น ต่างแดน ต่างชาติ ต่างศาสนา ต่างภาษา การจากกันโดยจากเป็นหรือจากตาย (บางคนดวงกินคู่ครอง ) หรือ ผู้นั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองจึงทำให้มีคู่ช้า ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีเลย มักมีใจในทางธรรมะถือพรหมจรรย์ บวชรักษาศีลดี

 ตกพยายะ ได้คู่เป็นคนขี้โรค มักเจ็บป่วยหรือผิดปกติ ระวังเป็นคนที่สอง ติดโรคจากเพศตรงข้าม 

ตกอริ
 มีปัญหาในการครองเรือน เกิดความโกลาหลร้อนใจ วุ่นวาย การต่อสู้ช่วงชิง
ใครที่มีวิบากกรรมมากก็เป็นมากหน่อยนะครับ ใครทำบุญทำกุศลบ่อยๆ ความหมายหรือผลก็น้อยหน่อย ตามแต่ละคนแต่ละอย่างนะครับ

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ดวงปีวอกที่กำลังจะมาถึง


         ปีใหม่เริ่มจะเข้ามา สำหรับระบบโหราศาสตร์แบบจันทรคติโบราณ หลังจากวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้าย นักษัตร วอก  
ดาวอาทิตย์เป็นเพชฌฆาตฤกษ์  ทั้งปีและเดือน อยู่ในภูมิธาตุไฟ เหตุการณ์ สถานการณ์อาจจะเกิดความเดือดร้อน ไฟ คดีความ อาวุธ อุบัติเหตุ ถึงแม้ไม่ใช่ดาววาสนาก็ตาม แต่เพชฌฆาตฤกษ์ก็ยังส่งผลที่ร้ายเช่นกัน ภาวะโลก สังคมอาจเกิดความเดือดร้อน เหตุการณ์ร้ายๆอาจจะเกิดขึ้นมากกว่าเดิม ทั้งภัยทางการเมือง ภัยจากภาวะการก่อการร้าย ภัยสงคราม หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นเพราะผลประโยชน์ รายได้ที่ไม่ลงตัว คนอาจจะหันหน้าไปในทางที่ไม่ดี เพราะดาวศุกร์เป็นกาลกิณี เป็นทั้งทุคตะ อาหารหรือที่เกี่ยวกับโภชนาการอาจจะขาดแคลน 
ดาวอาทิตย์สัมพันธ์ถึงดาวอังคาร ถ้าไม่รู้จักใช้ศีลธรรม อาศัยอารมณ์ตัดสินเหตุการณ์ ไม่ยอมลดราวาศอก ความแตกหักย่อมเกิดขึ้นแก่สังคมได้
           ดาววาสนาตกมรณะ ย้ำเรือน การเข้าข้างกัน การช่วยเหลือกัน ทำให้สังคมเดือดร้อน ภาวะมรณะภัยจะเกิดขึ้น หากใช้อารมณ์แก้ปัญหา ย่อมเดือดร้อน จะมีคนล้มตายมากขึ้น ศาสตร์ดำจะเรืองอำนาจ คนไม่ดีอาจจะเรืองอำนาจเช่นกัน ไสยศาสตร์มนต์ดำ จะกลับมีกำลัง 
            คนในวงการบันเทิงจะตกเป็นข่าวเสียหาย นักศึกษาประพฤตินอกทาง ข่าวคราวในวงการนักร้อง นักแสดง ศิลปิน อาจจะเกิดเรื่องราวไม่ดีบ่อยๆ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรัก หรือล้มเหลวทางด้านการเงิน 
           การเงินการธนาคารก็มีโอกาสสั่นคลอน ภาวะเศรษฐกิจอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางร้าย
            ภาวะสงคราม ความไม่สงบของโลกอาจจะเกิดขึ้น รุนแรงขึ้น เก็บทองคำอาจจะเป็นทางออกที่ดี อนาคตทองคำอาจจะมีความจำเป็นและมีค่าสูงขึ้น ใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บออมทรัพย์สิน และของมีค่า ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองและสถานการณ์โลกบ้าง จะได้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อักษรกับกำลังในวิชาทักษยุค


พยัญชนะ
              พยัญชนะในวิชาทักษามหายุคอ้างอิงกับพระพุทธศาสนา ดังนั้นวิธีคิดกำลังของพยัญชนะจึงมีอักษรและสระ ๔๑ แบ่งออกเป็น 
พยัญชนะ ๓๓ ตัว สระ ๘ ตัว
            พยัญชนะวรรคจัดเป็น ๕ วรรคๆ ละ ๕ ตัว จึงมี ๒๕ ตัว คือพยัญชนะวรรคจัดเป็น ๕ วรรคๆ ละ ๕ ตัว จึงมี ๒๕ ตัว คือ
ก       ข       ค       ฆ       ง       เรียกว่า  ก  วรรค 
จ       ฉ       ช       ฌ             เรียกว่า  จ  วรรค
ฏ              ฑ      ฒ       ณ      เรียกว่า  ฏ  วรรค
ต       ถ       ท       ธ       น       เรียกว่า  ต  วรรค 
ป       ผ       พ       ภ       ม       เรียกว่า  ป  วรรค
          พยัญชนะอวรรค ๘ ตัว คือ ย ร ล ว ส ห ฬ อํ เรียกว่า พยัญชนะอวรรค 
          สระ ๘ ตัว อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ 

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อักษรกับพยัญชนะวรรค


           


อักษรพยัญชนะวรรค

           ในศาสตร์ไทยแต่โบราณมีการตั้งชื่อ หรือ ฉายา โดยใช้อักษรที่เป็นพยัญชนะวรรค ที่มีพื้นฐานลึกๆมาจากบาฬีศัพย์ เช่น ก วรรค จ วรรค เป็นต้น ซึ่งมีฐานกร ตามวรรคนั้น เป็นการจัดวรรคให้เหมาะสมในการออกเสียง โหราจารย์ในสมัยก่อน ท่านได้นำหลักพยัญชนะวรรคนั้นมาใส่ไว้ควบคู่กับระบบทักษา เพื่อเป็นจุดในการจะตั้งฉายา หรือตั้งชื่อ ให้เหมาะสมกับดวงชะตาหรือวันเกิด หลีกเลี่ยงกาลกิณี หรืออักษรในวรรคโทษ ดังนั้นครูโหราจารย์ท่านจึงวางพยัญชนะวรรคเอาไว้ตามแผนผัง อักษรทั้งหมดก็มีกำลังตามภูมิที่ตนอยู่ในภูมินั้นๆ เช่น ก = ๒ เป็นต้น แต่พอมาในครั้งหลังๆมา ก็มีการทำให้พิสดารไปอีกว่า จันทร์กำลัง ๑๕ ก็มี แต่ในที่นี้เราใช้แบบฉบับย่อ 
        ตัวอย่างชื่อ สมบัติ   ส = ๖   ม = ๕   บ = ๕     ั  ไม่นับ  ต = ๗  สระ   ิ = ๑  รวมกันทั้งหมด ได้กำลัง ๒๔ 
          จุดสังเกต ในภาษาบาฬี จะไม่มีพวกวรรณยุค เช่น พวกไม้เอก ไม้โท ต่างๆ ดังนั้นจึงไม่ถูกจัดเข้ามาในการตั้งชื่อ ฉายา ในทักษาแผนภูมิเหล่านี้ 

          ถ้าเป็นในวิชาทักษามหายุค เราก็จะเอากำลังทั้งหมดหาร ๘ แล้วได้เศษเท่าไร ก็ไปดูในภูมิกำเนิดดวงชะตาว่าตกอะไร ดี ร้าย บอกตามภูมิแผนทักษา

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ดาวราหู

ดาวราหู ๘
             ธาตุลม แสดงถึง ความรวดเร็ว ฉับพลัน ทันที ถ้าไม่รู้จักควบคุมหรือตั้งมั่นในทางธรรมแล้วมักตกอยู่ภายใต้กิเลสโมหะจริต มักลุ่มหลงมัวเมา ขาดสติ หลงผิด งมงาย ยิ่งคิดยิ่งหลง อารมณ์แปรปรวน ไม่แน่นอน เจ้าเล่ห์เพทุบาย ชอบเอารัดเอาเปรียบ ชอบฉวยโอกาสติดอยู่ในกามคุณอารมณ์ในทางใฝ่ต่ำ บุคลิก พฤติกรรม การกระทำจะเป็นไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกธรรมนองครองธรรม มีอิทธิพลส่งผลในทางนักเลง
              
        นิสัยใจคอ  ส่วนใหญ่ให้ผลในทางที่ไม่สู้จะดี มักเป็นคนเจ้าอารมณ์ ทำอะไรตามใจตนเอง จิตใจไม่แน่นอน ทำอะไรไม่ค่อยสุภาพไม่เรียบร้อย เห็นผิดเป็นชอบ หูเบาเชื่อคนง่าย ขาดความคิดยับยั้ง หุนหัน ทำอะไรไม่ค่อยไตร่ตรอง คิดแล้วมักลงมือทำเลย ใจใหญ่ ใจนักเลง กล้าได้กล้าเสีย กล้าเสี่ยง กล้าทดลอง ไม่กลัวใคร ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ เป็นคนที่คบยาก เหลี่ยมจัดไม่น่าไว้ใจ มัวเมา หลงผิด นักเลงสุรา นักรัก นักเลงทุกชนิด ชอบในทางอบายมุข ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ  เอาแต่ใจตนเองเป็นหลัก ชอบให้คนยกย่อง ยกยอ สรรเสริญ มุทะลุ บ้าบิ่น โวยวาย ไม่รู้จักเก็บอารมณ์ โมหะจริตรุนแรง คราวรักถึงขนาดรักจนตาบอด ถ้าเกลียดใครเกลียดจนเข้ากระดูก ชอบทำอะไรผิดศีลผิดธรรม
    ** บุคคลใดไม่อยู่ในธรรมนองครองธรรมมักเป็นไปในทางที่เสื่อมเสียดังกล่าว แต่ถ้าเป็นคนดีมีศีลธรรมบุคคลนั้นจะเป็นผู้ที่ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจมืด มีความห้าวหาญ เสียสละชอบช่วยเหลือคน เอาตัวรอดเก่ง ไหวพริบปฏิภาณดี (ฉลาดแกมโกง) **


          บุคลิกภาพ  มีความตื่นตัว กระฉับกระเฉง ว่องไว รวดเร็ว กระโดกกระเดก ไม่เรียบร้อย อยู่ไม่นิ่งเฉย กิริยา อิริยาบถ คำพูด การเจรจาออกในทางนักเลง พูดจาเด็ดขาด ท้าทาย พูดจาใหญ่โต โอ้อวด กล้าได้กล้าเสีย    
          ด้านดี มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว เป็นผู้ที่มีจิตตานุภาพสูงและเข้มแข็ง มีความเฉลียวฉลาด มีสามารถในการชักชวนให้ผู้อื่นเชื่อและศรัทธา แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเก่งและแนบเนียน คิดเร็วทำเร็ว กล้าได้กล้าเสีย รักการผจญภัย รักความยุติธรรมไม่กลัวอำนาจมืด

              ด้านเสีย ลุ่มหลงมัวเมา งมงาย หลงใหลง่าย ประมาท เจ้าเล่ห์ โกหก กระล่อน
ปลิ้นปล้อน หลอกลวง ไม่ซื่อสัตย์ ไว้ใจมิได้ ฉ้อโกง บุ่มบ่าม วู่วาม ขาดความยั้งคิด ชอบเอารัดเอาเปรียบ โมหะจริต ไร้คุณธรรม 


(ขอบคุณภาพจากพระดังดอทคอม)

ดาวเสาร์

ดาวเสาร์ ๗
     ดาวเสาร์เป็นดาวที่เคลื่อนที่ช้า ดังนั้นผู้ที่มีความสัมพันธ์กับดาวเสาร์ ผู้นั้นจะเป็นคนที่มีความคล่องตัวน้อย เป็นไฟสุมขอน ไฟที่ครุกรุ่น สามารถหลอมเหลวสิ่งต่างๆได้ เป็นดาวที่ให้ผลช้าแต่หนักแน่นและรุนแรง ถ้าเป็นสิ่งของก็เป็นของเก่า โบราณ  ถ้าเป็นระยะทางก็เป็นระยะทางไกลๆ ถ้าเป็นเวลาก็เป็นเวลาที่เนิ่นช้า ยาวนาน ดาวเสาร์เป็นดาวที่น่ากลัว เพราะเป็นดาวแห่งโทษทุกข์ คุก ตะราง ตกต่ำ ไม่ดี แต่ในส่วนที่ดีของดาวเสาร์คือ มีความอดทน อดกลั้น เก็บซ่อนอารมณ์เก่ง มีความพากเพียรพยายาม

          รูปร่างลักษณะ  ผิวเนื้อดำแดง ค่อนข้างดำ หรือ ดำ ใบหน้าเคร่งขรึม จมูกใหญ่ ปากหนา หูใหญ่ ตาเล็ก สูงใหญ่ ผมหยิกหยักศก ใบหน้ามองดูแล้วกระดูกมากกว่าเนื้อ ฟันดูไม่สมส่วน มีขนตามลำตัวดก หลังโก่ง เวลาเดินขาพันกัน

           นิสัยใจคอ  เป็นคนเจ้าทุกข์ แบกโลกแบกทุกข์ คิดมาก วิตกกังวล คิดมาก (ปล่อยวางไม่เป็น) จู้จี้ ขี้บ่น มักเป็นคนขี้ระแวงไม่เข้าเรื่อง ไม่ไว้ใจใครง่าย เป็นเสือยิ้มยาก ต้องรับภาระต่างๆ เฉื่อยชา อืดอาด เห็นแก่ตัว ตระหนี่ ไม่ชอบสังคม มักมีความหึงหวงรุนแรง บุญคุณต้องทดแทนแค้นต้องชำระ 

             ด้านดี  เก็บอารมณ์ ซ่อนความรู้สึก อ่านไม่ออกว่ามาดีหรือมาร้าย ดูสุขุม เยือกเย็น เป็นผู้ใหญ่ มีความพากเพียรพยายามสูง อดทน อดกลั้น (แต่รอคอยโอกาสเอาคืน) ละเอียดถี่ถ้วน ระแวดระภัย รักสงบ สันโดษ พอใจตามอัตภาพของชีวิต 
           ด้านเสีย   โทษทุกข์ เศร้าโศก คิดมากจนเป็นโรคประสาท ฟุ้งซ่าน ขี้ระแวง ขาดความไว้วางผู้อื่นขลาด กลัวเงียบขรึมจนน่ากลัว ล่าช้า เฉื่อยชาจนดูเหมือนไม่มีชีวิตชีวา เป็นคนเจ้าทุกข์ อมทุกข์ ไม่ลืมเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต คิดทบทวนวนไปวนมา ไม่ชอบสังคม เก็บตัว จู้จี้ขี้บ่นจนน่ารำคาญ  ถ้ามีอารมณ์โกรธจะรุนแรง หนักแน่นห้ามปรามไม่อยู่ ไม่เลิกรา พยาบาท   

http://taksamahayuks.blogspot.com/

(ขอบคุณภาพจากพระดังดอทคอม)

ดาวศุกร์

ดาวศุกร์ ๖
        ดาวศุกร์เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก เป็นธาตุน้ำ เป็นดาวที่ให้ความสุข ความบันเทิง ความรัก กามารมณ์ เป็นดาวแห่งความสวยงาม อ่อนหวาน น่ารัก ร่าเริง แจ่มใส เจ้าชู้ทั้งออกหน้าออกตาและกรุ้มกริ่ม เป็นดาวเจ้าเสน่ห์ มีจริต ทำให้ผู้คนหลงใหลได้ง่าย เป็นดาวโลกียวิสัย มักอยู่ในโลกแห่งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสที่น่าหลงใหล     

         รูปร่างลักษณะ  สันทัด ผิวสีเนื้อ ตางาม ใบหน้ารูปไข่ ขาวท้วม มีเสน่ห์ดึงดูด น่ารัก   

         นิสัยใจคอ  รักสวยรักงาม รักสนุก ชอบความบันเทิง ชอบแต่งตัว ชอบสังคมชอบความหรูหรา ชอบศิลปะเป็นคนเจ้าชู้  พูดโน้มน้าวจิตใจคนได้ดี พูดจาอ่อนหวาน(มักโอ้อวดอยู่บ้าง)  ประหยัดมัธยัสถ์  เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เอาทุกข์ไปให้ใครเห็น ทุกข์เก็บไว้ในใจคนเดียว เฮไหนเฮนั่นไปกับเขา แต่พอกับบ้านมานั่งร้องไห้คนเดียว คนเกิดวันศุกร์คือคนธรรพ์ ชอบดนตรี เสียงเพลง ชอบของสวยๆงามๆ รูปร่างอวบๆ ศุกร์คือกิเลส ตัณหา การเงิน ความรักเพราะฉะนั้นคนที่ดาวศุกร์เสีย ความรักก็เสีย การเงินก็เสีย

           ด้านดี  เป็นคนที่มีความสมหวังเรื่องความรัก การเงิน มีเสน่ห์แก่ผู้ที่พบเห็น รักศิลปะ ดนตรี ชอบเสียงเพลง แต่งตัวเก่ง สีสันสดใสฉูดฉาด แก่ตัวช้า ปรับสภาพเข้ากับคนได้ง่าย  
          ด้านเสีย   มักชอบอิจฉา ริษยา ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ผิวพรรณรูปร่างไม่งดงาม กิเลส โลภ โกรธ หลง อกหัก รักคุด

ดาวพฤหัสบดี


ดาวพฤหัสบดี ๕
       คนเกิดวันพฤหัสบดีให้นึกถึงพระหรือฤๅษี เป็นคนเรียบร้อย มีกฎเกณฑ์กติกามาก เป็นคนที่มีคุณธรรม มีศีลธรรม ใครทำอะไรนอกกฎเกณฑ์ไม่ได้ บางคนพูดจาเฉียบคม ปากแข็ง ใจอ่อน ดาวพฤหัสฯเสียดีที่สุด เอาตัวรอดเก่งกินตามน้ำ ทำอะไรผิดคนจับไม่ได้ 

               นิสัยใจคอ  มีเมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีอัธยาศัยไมตรี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กตัญญูกตเวที รักเหตุผล ซื่อสัตย์สุจริต  มีภูมิความรู้  มีปัญญาดี มีวิชาการดี สนใจในหลักคำสอน ชอบธรรมะ ชอบกุศล ชอบอบรม สั่งสอน มีกฎเกณฑ์กติกาสูง เจ้าระเบียบ เชื่อคนยาก ไม่ฟุ้งซ่าน รักความยุติธรรม มีความเที่ยงตรง ชอบเสียสละ รักสงบ

              บุคลิกภาพ  ดูสง่า น่าเคารพนับถือ อ่อนน้อม ถ่อมตน รู้กาลเทศะ มีความสำรวมในทุกอิริยาบถ ดูแก่เกินวัย มีความจริงใจ ใจกว้าง ชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ มีความเยือกเย็น น่าไว้ใจ ไม่ประหม่า 

            ด้านดี ปรับตัว ปรับสภาพได้ดีพอๆกับดาวพุธ เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม มีศีลธรรมประจำใจ มีความยึดมั่นและศรัทธาในสิ่งที่ดีงาม รักความถูกต้อง เป็นผู้เสียสละ เป็นคนเจ้าปัญญา เฉลียวฉลาด หลักแหลม ชอบศึกษาหาความรู้ วิชาการอันเร้นลับ มีเหตุผล ไม่เชื่อในสิ่งที่งมงายต้องพิสูจน์ให้ประจักษ์ด้วยตนเอง(ผลดีคือมีคุณธรรมปัญญาดี มีเหตุผล)
           ด้านเสีย ชอบอวดรู้ในสิ่งที่ตนรู้มาไม่ว่าจะรู้จริงหรือไม่รู้จริงด้อยปัญญาอวดฉลาด ยกตนข่มท่าน เสื่อมคุณธรรมศีลธรรม ขาดความเห็นอกเห็นใจ ชอบซ้ำเติมผู้ที่ตกต่ำ ขาดเหตุผล ไม่ซื่อตรง กินตามน้ำ เอาตัวรอดเก่ง  
(ขอบคุณภาพจากพระดังดอทคอม)

ดาวพุธ

วันพุธ ๔
     คนเกิดวันพุธให้นึกถึงช้างไว้ก่อน ทำอะไรก็น่ารัก ทำมาค้าขายเก่ง เจรจาเก่ง พุธเป็นธาตุน้ำจึงเข้าอะไรที่ไหนได้หมด ติดต่อประสานงานเก่ง แต่ถ้าพุธเสียจะกลายเป็นกระล่อน พูดน้ำไหลไฟดับ  เหมือนนักการเมืองบางคนพูดเชื่อไม่ได้ 

         นิสัยใจคอ  มีศิลปะในการพูด พูดเก่ง ปากกล้า คารมย์คมคาย อรรถาธิบายเก่ง นักโฆษณามีความสามารถในการคิดหาเหตุผลดีมีปฏิภาณในการพูด แก้ไขเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆด้วยคำพูดและวาจาเก่ง เฉียบแหลมในอุบายต่างๆ เฉลียวฉลาดฉลาดพูดฉลาดทำ มีความทรงจำแม่นยำ รอบรู้  เข้ากับคนง่าย มีอัธยาศัยไมตรีดีงาม เป็นมิตรกับกับคนทั่วไปและคบคนได้ทุกระดับชั้น การประสานกลมกลืน
มีความสามารถทางการประนีประนอม ใจดี มีเมตตา  ชอบศึกษาเรียนรู้ มีสติปัญญาดี มีความคิดก้าวหน้ารู้จักแสวงหาผลประโยชน์กลับสู่ตนเอง ใจคอไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงง่ายคล้ายพระจันทร์ เชื่อคนง่ายเปลี่ยนความคิดง่ายและเร็ว คล้ายคนเจ้าทุกข์   
         บุคลิกภาพ  เป็นผู้อ่อนน้อม รักสงบ กิริยามารยาทดีงาม รู้จักกาลเทศะ วางตัวดี เป็นมิตรกับผู้อื่นเป็นผู้พูดคุยได้ดี ปรับตัวเก่ง มีอัธยาศัยดีงาม 

        ด้านดี  ปรับสภาพสภาวะได้ดี เข้ากับดาวอื่นๆได้ทุกดวง รักสงบและสันติสุข มีความเป็นธรรมเป็นผู้ฉลาดในหลักวิชาการทุกแขนง รักในเชิงวิชาการ ชอบทางด้านการค้าพาณิชย์  รักการค้นคว้า ช่างคิด ช่างพูด มีความรอบรู้และมีความทรงจำดีเยี่ยม ทำกิจอันใดคล่องแคล่ว ว่องไว ชอบการติดต่อประสานงาน เป็นนักประชาสัมพันธ์ โฆษก นักบรรยาย มีความสามารถในการพูดโน้มน้าวจิตใจคน
       ด้านเสีย  ปากเสีย พูดไม่เป็นมงคล พูดจาเหลวไหล ก่อศัตรูได้เพราะคำพูด ถูกหลอกเพราะเชื่อคนง่าย ศรัทธา งมงาย
http://taksamahayuks.blogspot.com/
(ขอบคุณภาพจากพระดังดอทคอม)

ดาวอังคาร

ดาวอังคาร ๓
     คนเกิดวันอังคารเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว มักไม่มีการวางแผนการร่วงหน้าก่อน คิดปุ๊บทำปั๊บ มักไม่ชอบเรื่องคิดๆ เรื่องใช้สมอง ชอบใช้กำลัง ชนลูกเดียวประเภทยอมหักไม่ยอมงอ ชอบให้ง้องอน ชอบคำยกยอปอปั้น พูดดีๆทำตายเลย แต่ถ้าพูดไม่ดีมึงตายไม่ใช่กูตาย ขึ้นอยู่กับคำพูด มุทะลุดุดัน ชอบเรื่องเสี่ยงๆ หรือผจญภัย อยู่กับฤๅษีเป็นฤๅษีอยู่โจรเป็นโจรขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม

        รูปร่างลักษณะ  สันทัด แข็งแรง มะขามข้อเดียว ล่ำสันแต่ไม่สูงนัก บางทีเตี้ยแต่ไม่อ้วน ผิวคล้ำผมหยิกหยักศก ใบหน้ารูปไข่บางทีกลม คางเสี้ยม กล้ามใหญ่ กระดูกใหญ่ ท่าทางองอาจ

         นิสัยใจคอ  ใจคอนักเลง กล้าหาญ กล้าได้กล้าเสีย ชอบการผจญภัย ชอบเที่ยวเตร่ ตัดสินใจทำอะไรง่ายและเร็วไม่ไตร่ตรองนาน มุทะลุตึงตัง โทสะร้าย ทำอะไรพรวดพราดตึงตังโผงผาง ชอบความรุนแรง ขยันขันแข็ง ชอบทางนักเลงทุกอย่าง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ปากร้ายใจดี รักสนุก


       บุคลิกภาพ  ท่าทางกระฉับกระเฉง กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ใจร้อน ใจเร็ว โกรธง่ายหายไว จำพวกโทสจริต ชอบทำอะไรเอาแต่ใจ ชอบอาสา ขยัน บึกบึน มีกำลังกายดี ชอบงานท้าทาย งานเสี่ยงภัย เป็นคนตรงไปตรงมา    
    
         ด้านดี เข้มแข็ง บึกบึน ขยันขันแข็ง  มีความเพียรและอดทนดี ไม่ย่อท้อ เป็นคนไม่ยอมคน รักการต่อสู้ กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ชอบการผจญภัย ไม่กลัวอันตราย เชื่อมั่น รวดเร็วว่องไว กล้าแสดงออก มีกำลังกายดี ทำมากกว่าพูด ทำอะไรจริงจัง

         ด้านเสีย  ขาดความยับยั้ง ขาดความยั้งคิดเมื่อได้แสดงออก ย่อมแสดงออกมาจนหมดสิ้นทุกอย่างขาดไหวพริบ ใจร้อน ใจเร็ว โทสะอารมณ์รุนแรง โมโหร้าย ไม่ฟังใคร ไม่มีเหตุผล ชอบหาเรื่อง วิวาทถูกโทสะครอบงำได้ง่าย ใจคอนักเลง ชอบลองของ

(ขอบคุณภาพจากพระดังดอทคอม)